กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่งท่ามกลางหุบเขา ผู้คนยังคงใช้ชีวิตเรียบง่ายในยุคที่ยังไม่มีไฟฟ้า โคมไฟที่ใช้ส่องสว่างในบ้านเรือนเป็นเพียงโคมไฟน้ำมันดินและตะเกียงน้ำมัน ซึ่งเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับทุกครอบครัว
ในบ้านไม้เก่าแก่หลังหนึ่ง คุณตาเล่าถึงเรื่องราวของโคมไฟให้หลาน ๆ ฟัง ทุกคนล้อมวงอยู่รอบโต๊ะไม้กลางบ้าน โคมไฟน้ำมันดินตั้งอยู่ตรงกลางให้แสงอบอุ่นส่องใบหน้าของทุกคน

“เจ้าโคมไฟนี้นะหลาน ๆ ช่วยส่องทางให้พวกเรามาหลายชั่วอายุคนแล้ว” คุณตาเล่า พร้อมกับยิ้มและชี้ไปยังตะเกียงโบราณ “ในสมัยที่ยังไม่มีไฟฟ้า พวกเราต้องพกตะเกียงเวลาเดินทางยามค่ำคืน หากไม่มีมัน เราคงมองไม่เห็นอะไรเลย”
หลานคนโตถามด้วยความสงสัย “แล้วเวลาฝนตกหรือมีลมแรง โคมไฟยังใช้ได้อยู่ไหมคะ?”
คุณตาหัวเราะเบา ๆ “โคมไฟบางชนิดก็ใช้ในบ้านเท่านั้น ส่วนข้างนอก เราต้องใช้ตะเกียงที่มีแก้วครอบกันลมเข้า”
ในยุคโบราณ ผู้คนยังต้องคอยเติมน้ำมันในตะเกียงและดูแลไส้ตะเกียงให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้แสงสว่างสม่ำเสมอ ตอนกลางคืน ชาวบ้านจะจุดโคมไฟและวางไว้ตามมุมบ้าน ทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบและเต็มไปด้วยกลิ่นอายของวันวาน

วันหนึ่ง ชาวบ้านจัดงานเฉลิมฉลองใหญ่ ทุกบ้านต่างแขวนโคมไฟประดับตามเสาและหน้าต่าง แสงไฟเปล่งประกายอบอุ่นสะท้อนบรรยากาศแห่งความสุข “นี่แหละคือแสงสว่างที่นำพาผู้คนให้มารวมตัวกัน” คุณตาเอ่ยปิดท้าย
โคมไฟที่ดูเหมือนจะเป็นเพียงสิ่งของธรรมดา กลับมีบทบาทสำคัญในชีวิตของผู้คนในยุคอดีต มันเป็นสัญลักษณ์แห่งความหวัง และเป็นเพื่อนยามค่ำคืนที่ไม่มีวันลืมเลือน

บทความและภาพประกอบโดย: YesSir LAMP โคมไฟดีไซน์สวย